ศาลเจ้าทสึชิมะที่เป็นที่รู้จักจากเทศกาลโอวาริ ทสึชิมะ เท็นโน เป็นที่สิงสถิตของเทพเจ้าโกซูเท็นโนซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งภัยอันตรายและการให้พร
ศาลเจ้าแห่งนี้เคยมีชื่อว่า "ทสึชิมะ โกซูเท็นโน-ชา" ศาลเจ้าทสึชิมะมีอายุมากกว่า 1,450 ปี และกล่าวกันว่าสร้างขึ้นในการขึ้นครองราชย์ปีแรกของจักรพรรดิคินไมในปี 540
เทพเจ้าที่ถูกประดิษฐานไว้มีชื่อว่าทาเกฮายาซูซะ โนะ โอโนะมิโคโตะ ซึ่งอยู่ร่วมกับลูกของเขาโอนามูจิ โนะ มิโคโตะ
ศาลเจ้านี้เป็นผู้นำของศาลเจ้าทสึชิมะทั่วประเทศมากกว่า 3,000 แห่ง และผู้คนพากันกล่าวถึง "ศาลเจ้าเท็นโน" และได้รับความเคารพในระดับเดียวกันกับศาลเจ้ายาซากะในเกียวโต

พลังแห่งจิตวิญญาณของเทพเจ้าที่ประดิษฐานในทสึชิมะ โกซูเท็นโน-ชา เป็นที่พึ่งพาทางใจให้แก่ผู้คน และได้รับการเคารพบูชาจากผู้นำทางทหาร และเจ้านายในสมัยไดเมียว โดยเฉพาะโอดะ โตโยโตมิ และโทคุกาวะ
ซึ่ง โอดะ โนบุนากะ ยกย่องศาลเจ้าทสึชิมะเป็นศาลเจ้าผู้คุ้มครอง รวมทั้งบริจาคและให้ความร่วมมือในการก่อสร้าง
ประตูซากุระและประตูใต้ (สมบัติทางวัฒนธรรมของจังหวัด) ได้รับการบริจาคจาก โตโยโตมิ ฮิเดโยชิ และกล่าวกันว่าศาลเจ้ากลางได้รับการบริจาคจากบุตรคนที่ 4 ของโทคุกาวะ อิเอยาสึ และมัทซึไดระ ทาดาโยชิ ผู้ครองปราสาทคิโยสุ
สถานที่นี้ได้รับการเคารพบูชาตั้งแต่สมัยโบราณ เมื่อก่อนนั้นจะเป็นการปฏิบัติแบบปกติที่จะไปศาลเจ้าทสึชิมะหลังจากไปที่ศาลเจ้าอิเสะ-จินกู และผู้คนเคยกล่าวว่า "ถ้าคุณจะไปโออิเสะซัง คุณต้องไปที่ทสึชิมะซังด้วย มิฉะนั้นจะกลายเป็นว่าคุณได้ทำอะไรไปครึ่งๆ กลางๆ" ศาลเจ้าทสึชิมะยังคงเป็นที่รู้จักในชื่อ "ทสึชิมะซัง" หรือ "เท็นโนซัง" ซึ่งมีผู้คนมากมายจากทั่วประเทศมาเยือน

งานเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดของศาลเจ้าทสึชิมะคือเทศกาลโอวาริ ทสึชิมะ เท็นโน ซึ่งเป็นประเพณีในฤดูร้อน และเป็นหนึ่งในเทศกาลของแม่น้ำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น โดยจะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่สี่ของเดือนกรกฎาคม
เรือทสึชิมะ มากิวาระ 5 ลำจะถูกจุดไฟและแล่นอย่างสง่างามข้ามแม่น้ำเท็นโน (สระมารูอิเกะ)
ท่ามกลางเสียงดนตรีจากขลุ่ยทสึชิมะ โคมไฟที่กวัดแกว่งสะท้อนกับผิวน้ำเพิ่มความงามให้กับเรือมากิวาระ ซึ่งภาพมายาที่น่าอัศจรรย์ของแสงไฟและน้ำนั้นเหมือนกับภาพในม้วนกระดาษโบราณ ในงานเทศกาลตอนเช้า เรือโดยการนำของ "อิชิอิกูรูมะ" ลำที่ 6 จะเปลี่ยนเครื่องตกแต่งเป็นเวทีการแสดงละครโนห์และดนตรี
ผู้กล้า 10 คนจากอิชิอิกูรูมะจะเป็นผู้นำถือหอกที่คลุมด้วยผ้าแล้วดำลงไปในน้ำ จากนั้นจะว่ายน้ำข้ามไปและวิ่งไปยังศาลเจ้าเพื่อถวายหอก