ดิน ไฟ และความอุตสาหะของมนุษย์ เซรามิกชื่อเสียงโด่งดังของไอจิ | คอลัมน์ | Experiences in Aichi
โดยชินคันเซ็น (รถไฟหัวกระสุน)

  1. Home /
  2. คอลัมน์ /
  3. ดิน ไฟ และความอุตสาหะของมนุษย์ เซรามิกชื่อเสียงโด่งดังของไอจิ

ดิน ไฟ และความอุตสาหะของมนุษย์ เซรามิกชื่อเสียงโด่งดังของไอจิ

ทางเหนือของโอวาริ, ทางตะวันตกของโอวาริ, จิตะ

แม้ว่าดินอันอุดมสมบูรณ์และผู้เชี่ยวชาญทางหัตถศิลป์จะพบได้ทั่วทั้งประเทศญี่ปุ่น แต่มีเพียงเฉพาะในหกพื้นที่เท่านั้นที่ถือว่ามีความเก่าแก่ที่สุด ทรงอิทธิพลที่สุด และสร้างเอกลักษณ์เฉพาะในเครื่องปั้นดินเผาแบบดั้งเดิมในพื้นที่นั้นๆ ซึ่งพื้นที่เหล่านี้เป็นที่รู้จักในนาม “เตาเผาอันเก่าแก่ทั้งหก” โดยแต่ละที่ได้ถูกจัดให้เป็นเขตมรดกของญี่ปุ่น และภายในพื้นที่ทั้งหกแห่งดังกล่าว มีสองพื้นที่ที่โดดเด่นซึ่งตั้งอยู่ตอนกลางของจังหวัดไอจิทั้งคู่ นั่นคือ เซโตะ และ โทโคนาเมะ

เซรามิกแห่งเมืองเซโตะ

ในที่ราบที่ล้อมรอบด้วยแม่น้ำใส ภูเขาสูง และป่าอันเขียวชอุ่ม เครื่องปั้นดินเผาและเซรามิกถูกผลิตขึ้นในเซโตะ และมีชื่อเสียงโด่งดังในช่วงยุคกลางและยุคฟิวดัลของประเทศญี่ปุ่น และแม้กระทั่งในปัจจุบัน ภาชนะบนโต๊ะอาหารยังถูกเรียกว่า เซโตะ-โมโน ในภาษาญี่ปุ่น เซโตะเป็นพื้นที่ผลิตเครื่องปั้นดินเผาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 13 และยังคงเป็นเสมือนเมืองหลวงของเครื่องปั้นดินเผาแห่งประเทศญี่ปุ่นจนถึงปัจจุบัน เมืองเซโตะเป็นสถานที่จัดเซโตะ-โมโน มัตสึริ เทศกาลเครื่องปั้นดินเผาเซโตะที่จะจัดขึ้นในเดือนกันยายนของทุกปี ตั้งแต่ปี 1932 ซึ่งเป็นเทศกาลที่รวบรวมร้านผลิตเครื่องปั้นดินเผากว่า 200 ร้าน รวมทั้งผู้ผลิตเครื่องปั้นดินเผารายบุคคล มาจัดแสดงต่อผู้เข้าชมหลายแสนคนทั้งจากในประเทศญี่ปุ่นและจากทั่วทั้งทุกมุมโลก

นอกเหนือจากความคิดสร้างสรรค์ขั้นสูงของช่างหัตถศิลป์และคุณภาพของดินโคลนในท้องถิ่นแล้ว ความโดดเด่นของผลงานจากเซโตะยังรวมถึงการเคลือบเงาที่หลากหลาย เช่น คิเซโตะ การเคลือบเงาสีอมเหลืองที่ทำให้ชิ้นงานดูเรียบง่าย และ เซโตะกุโระ การเคลือบเงาสีดำมะเมื่อมหนาที่ดูสูงค่า นอกจากนี้ ยังมี เทตสึอะกะ การเคลือบเงาสีแดงเหล็กอันเป็นเอกลักษณ์ โดยมีตั้งแต่แบบสีน้ำตาลอมเหลืองแดงไปจนถึงแบบมีลวดลายที่แต่งแต้มด้วยจุดสีแดงท๊อฟฟี่แอปเปิ้ลเล็กๆ อุวะกุสุริ การเคลือบเงาสีขี้เถ้า ซึ่งเกิดจากขี้เถ้าระหว่างกระบวนการเผาที่ตกลงมายังชิ้นงานเครื่องปั้นดินเผาขณะถูกเผา ก่อให้เกิดลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์และได้รับความนิยม ทั้งนี้ ชนิดของไม้ที่ใช้ในกระบวนการเผายังทำให้เกิดความแตกต่างอีกด้วย โดยสีเขียวอ่อนแวววาวจากถ่านต้นสนและสีขาวนวลส่องประกายจากถ่านฟางข้าวเป็นที่นิยมมากที่สุด

ยิ่งไปกว่านั้น เครื่องปั้นดินเผาบางชิ้นยังเกิดจากการผสมขี้เถ้าเข้ากับดินโคลนและน้ำอย่างบรรจง เพื่อให้ได้ดินเหนียวหรือส่วนผสมสำหรับการสร้างชิ้นงานที่เหมาะสมก่อนที่จะทำการเผา เครื่องปั้นดินเผาอันล้ำค่า ชิโนะ ของภูมิภาคเซโตะ ซึ่งเริ่มพัฒนาในศตวรรษที่ 16 แสดงเอกลักษณ์ด้วยการเป็นเครื่องเคลือบสีขาวที่มีรอยแต้มสีน้ำตาลอมส้มที่ขอบ ส่วน โอริเบะ ที่เป็นที่นิยม ได้ถูกกล่าวกันว่าถูกสร้างขึ้นมาโดยนักรบซามูไรและผู้เชี่ยวชาญด้านชานาม ฟุรุตะ โอริเบะ และแสดงเอกลักษณ์ด้วยการเป็นเครื่องเคลือบสีน้ำเงินเข้ม เขียวเข้ม และทองแดง และลงสีด้วยลวดลายเรขาคณิตลงบนเครื่องใช้ต่างๆ เช่น ถ้วยชา กล่องชา จาน แจกัน และภาชนะสำหรับเผาเครื่องหอม โดยแต่ละชิ้นงานอันมีชีวิตชีวาเหล่านี้ ถูกเผาในเตาเผาที่ต่างกันเพื่อให้มีคุณลักษณะเฉพาะแตกต่างกันไป

ย้อนอดีตสู่ความรุ่งโรจน์ของเครื่องปั้นดินเผาที่พิพิธภัณฑ์เซโตะ-กุระ

ความเป็นมาและวัฒนธรรมของเครื่องปั้นดินเผา เครื่องหิน และเซรามิก ของเมืองเซโตะ ถูกยกย่องและนำเสนออยู่ในพิพิธภัณฑ์เซโตะ-กุระ โดยในพื้นที่เซโตะ สะโอะ เซรามิก พลาซ่า ที่ชั้นหนึ่งของพิพิธภัณฑ์ มีการวางจำหน่ายสินค้าเครื่องปั้นดินเผาและเซรามิกหลากหลายชนิดในราคาขายปลีก และในพื้นที่จัดแสดงยาว 30 เมตรที่ชั้นสาม มีการจัดแสดงให้เห็นถึงความลึกซึ้งของคุณภาพและความหลากหลายของเครื่องปั้นดินเผาและเซรามิกที่ผลิตขึ้นในท้องถิ่น ซึ่งถูกพัฒนาโดยซามูไรและชนชั้นพ่อค้าที่ร่ำรวยมาอย่างยาวนาน

ที่บริเวณชั้นสองของพิพิธภัณฑ์ที่ตื่นตาตื่นใจและถูกจัดสร้างขึ้นมาเป็นอย่างดีนั้น มีการจำลองสถานีรถไฟโอวาริ เซโตะ เก่าแก่ดั้งเดิมอันน่าถวิลหา รวมถึงจำลองบางส่วนของเมืองเก่า ทั้งร้านรวง ตึกรามบ้านช่อง และเตาเผาในอดีต ผู้ที่ชื่นชอบรถไฟและเด็กๆ สามารถสนุกไปกับการโดยสารรถไฟสายเซโตะเดิมและสามารถลองนั่งที่นั่งของคนขับได้ ขณะเดียวกัน เมืองจำลองก็จะพาท่านกลับไปยังวันวานที่แสนสดใสของเซโตะในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 นอกจากนี้ พิพิธภัณฑ์เซโตะ-กุระ ยังให้บริการร้านอาหาร ห้องประชุม รวมถึงจัดกิจกรรมเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์จริงในบริเวณพื้นที่เวิร์คช็อปอีกด้วย

เมืองที่อยู่เหนือกาลเวลา โทโคนาเมะ

ย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 12 เครื่องปั้นดินเผาโทโคนาเมะที่เป็นเครื่องปั้นดินเผาที่ผ่านกรรมวิธีเผาและเคลือบเป็นอย่างดี ทำจากดินโคลนที่อุดมไปด้วยเหล็กที่เป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น และในยุคฟิวดัลของประเทศญี่ปุ่น โทโคนาเมะก็เป็นพื้นที่ผลิตเครื่องปั้นดินเผาที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาเตาเผาอันเก่าแก่ทั้งหก ด้วยที่ตั้งที่อยู่เลียบเส้นทางการค้าของมหาสมุทรแปซิฟิกบนชายฝั่งทิศตะวันตกของคาบสมุทรชิตะในจังหวัดไอจิ การพัฒนาและจำหน่ายเซรามิกของโทโคนาเมะจึงได้รับอิทธิพลอย่างมากจากภูมิภาคอื่น ช่างศิลป์ชาวโทโคนาเมะผลิตผลงานจำนวนมากที่มีคุณภาพดีและมีหลากหลายประเภท และเป็นที่รู้จักเป็นอย่างดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผลิตภัณฑ์หม้อและภาชนะที่มีขนาดใหญ่กว่า 50 เซนติเมตร ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้เป็นที่ต้องการเป็นอย่างมาก และมีการขนส่งไปยังทั่วประเทศแม้กระทั่งในพื้นที่อันห่างไกล ทั้งพื้นที่ฝั่งเหนือของโทโฮคุและฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของคิวชู และตลอดปลายสมัยเอโดะ (1603-1868) โทโคนาเมะยังมีชื่อเสียงด้วยชุเด กาน้ำชาเซรามิกสีน้ำตาลแดงอันโดดเด่น ที่ทำด้วยความประณีตบรรจง และสรรค์สร้างและเผาด้วยความเชี่ยวชาญในเตาเผาแบบขั้นบันได โนโบริกามะ ที่สร้างลาดไปตามแนวเนินเขา

โทโคนาเมะยังคงเป็นผู้นำในผลิตภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผา โดยประยุกต์เทคนิคเก่าแก่เพื่อผลิตเซรามิกที่ทันสมัย เช่น ระบบท่อใต้ดินและเครื่องสุขภัณฑ์ นอกจากนี้ โทโคนาเมะยังเป็นหนึ่งในผู้ผลิตมาเนกิ เนโกะ ตุ๊กตาแมวนำโชคสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น และกระถางบอนไซคุณภาพสูงรายใหญ่อีกด้วย และบางสถานที่ในโทโคนาเมะก็เปิดให้นักท่องเที่ยวสัมผัสเอกลักษณ์และเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ลงสีตุ๊กตามาเนกิ เนโกะ ของตัวเองสำหรับเป็นของที่ระลึกสุดพิเศษ นอกจากนี้ ในพื้นที่คดเคี้ยว 1.5 กิโลเมตร “ยากิโมโนโนะซัมโปมาจิ” หรือ ถนนเครื่องปั้นดินเผา จะพาท่านเดินทางไปยังหนึ่งในพื้นที่ที่เก่าแก่ที่สุดของโทโคนาเมะ ที่เรียงรายด้วยแกลลอรี่ พิพิธภัณฑ์ และสตูดิโอภายในบ้านโบราณแบบดั้งเดิม

สำรวจถนนอันมีเสน่ห์น่าดึงดูดและตรอกซอกซอยของเซโตะและโทโคนาเมะ ที่จะเผยให้เห็นร้านเครื่องปั้นดินเผาเล็กๆ และสตูดิโอมากมายที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวให้มาค้นหางานศิลปะ พบปะช่างศิลป์ ค้นพบสมบัติอันล้ำค่า และเลือกซื้อหาชิ้นงานได้โดยตรง ช่างศิลป์จากทั้งเซโตะและโทโคนาเมะมักจะเปิดสตูดิโอเพื่อให้ทุกคนเข้ามาลองสัมผัสดินโคลนท้องถิ่น ทดลองเคลือบ และสร้างผลงานเครื่องปั้นดินเผาเซโตะหรือโทโคนาเมะแบบดั้งเดิมด้วยตัวเอง เพื่อให้ได้ประสบการณ์แสนสนุกจากการลงมือทำ รวมถึงได้เรียนรู้เทคนิคอย่างมืออาชีพภายใต้คำแนะนำของช่างปั้นดินเผาผู้เชี่ยวชาญ

พิพิธภัณฑ์เซรามิก จังหวัดไอจิ คงไว้ซึ่งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต

ทั้งผลงานสไตล์เซโตะและโทโคนาเมะ รวมถึงเครื่องปั้นดินเผาในไอจิรูปแบบหลากหลาย สามารถพบได้ที่พิพิธภัณฑ์เซรามิก จังหวัดไอจิ ในเมืองเซโตะ ซึ่งจัดแสดงคอลเลกชันต่างๆ มากมายจากนานาประเทศ และที่สำคัญที่สุดคือผลงานเซรามิกและเครื่องปั้นดินเผาในท้องถิ่น พิพิธภัณฑ์ยังมีคอร์สและกิจกรรมทำเครื่องปั้นดินเผาที่ให้ท่านทดลองทำถ้วยชาหรือเครื่องปั้นดินเผาแบบดั้งเดิม ที่จะนำไปเผาและส่งให้ท่านในภายหลัง นอกจากนี้ ในพิพิธภัณฑ์ยังมีห้องสำหรับดื่มชาที่ให้นักท่องเที่ยวลิ้มรสมัทฉะ ชาเขียวที่ปลูกในท้องที่ ในถ้วยชาที่ผลิตโดยช่างศิลป์ผู้เชี่ยวชาญในท้องถิ่น และมีการจัดจำหน่ายเครื่องปั้นดินเผาในท้องถิ่นหลากหลายชนิดและผลงานศิลปะต่างๆ ที่บริเวณร้านค้าของพิพิธภัณฑ์ ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเป็นของที่ระลึกสุดพิเศษ

ชิปโป-ยากิ งานหัตถศิลป์กลัวซอเนสุดคลาสสิค

แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในรูปแบบเครื่องปั้นดินเผานัก แต่ชิ้นงานชิปโป-ยากิ กลัวซอเน (Shippo-yaki Cloisonné) เป็นผลงานที่เป็นที่รู้จักในระดับโลก โดยจังหวัดไอจิเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการผลิตกลัวซอเนแบบญี่ปุ่น หรือ ชิปโป-ยากิ ชั้นแนวหน้า ตั้งแต่ปี 1833

ในขณะที่ชิปโป-ยากิ แบบญี่ปุ่นปรากฏในรูปแบบราวกับเครื่องเคลือบที่ลงสีด้วยมืออย่างประณีตบรรจง แท้ที่จริงแล้ว เครื่องโลหะนี้ถูกตกแต่งและเคลือบอย่างหนาภายใต้ชั้นเคลือบกลัวซอเนที่ถูกเผาในเตาเผาและขัดเงาอย่างดี เส้นสายของทองแดง เงิน และทอง ถูกบิดงอให้ได้ลวดลาย ก่อนที่จะถูกเชื่อมหรือติดกาวลงบนพื้นผิวของชิ้นงานเพื่อสร้างดีไซน์ โดยที่พื้นผิวนี้จะถูกเติมเต็มด้วยดินเหนียวที่ทำจากดินที่ละเอียด ก่อนจะลงสีและเผาที่อุณหภูมิสูงเพื่อให้เกิดลักษณะคล้ายแก้วอันเป็นเอกลักษณ์ของชิปโป-ยากิ

อังโดะและอะมะ กลัวซอเนคุณภาพของไอจิ

แม้ผู้ผลิตกลัวซอเนดั้งเดิมที่ยังคงดำเนินกิจการอยู่จนถึงปัจจุบันจะเหลืออยู่เพียงไม่กี่รายเท่านั้น แต่หนึ่งในนั้นคือ บริษัท อังโดะ กลัวซอเน ที่เป็นที่รู้จักกันมาอย่างยาวนานในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะ กลัวซอเนของอังโดะได้ถูกจัดแสดงที่งานแสดงสินค้าโลกที่ชิคาโก้ในปี 1893 ทำให้ชิปโป-ยากิ กลัวซอเนที่ผลิตโดยใช้เทคนิคขั้นสูงจำนวนมากของอันโดเป็นที่รู้จัก และนำไปสู่การส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาและยุโรป อีกทั้ง รัฐบาลญี่ปุ่นยังเลือกบางผลิตภัณฑ์ให้เป็นของขวัญในนามของประเทศ จนทำให้ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นกลายเป็นที่ต้องการของนักสะสมมาจนถึงทุกวันนี้

แม้ชิ้นงานคลาสสิคของอังโดะ กลัวซอเน สามารถพบได้ที่งานจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์วิกตอเรียแอนด์แอลเบิร์ตอันโด่งดัง ณ กรุงลอนดอน ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ของงานศิลปะและออกแบบตกแต่งแบบประยุกต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมถึงพิพิธภัณฑ์อื่นๆ ทั่วทุกมุมโลก แต่ที่ร้านและพิพิธภัณฑ์อังโดะ กลัวซอเน ณ ซาคาเอะ (ชิปโปคลับ) ใจกลางเมืองนาโกย่า ก็มีชุดชิ้นงานกลัวซอเนทั้งแบบดั้งเดิมและสมัยใหม่ที่งดงามที่สุดชุดหนึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภทสำหรับจัดจำหน่ายเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ ท่านยังสามารถเพลิดเพลินไปกับความงดงามของวิจิตรศิลป์ในเมืองหรือชมและสัมผัสประสบการณ์ในหมู่บ้านศิลปะชิปโปในเมืองอามะ ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองนาโกย่าไปทางทิศตะวันตกเพียง 20 นาที โดยมีพิพิธภัณฑ์ฟุเระไอที่มีการจัดแสดงผลงานชิ้นเอกและอธิบายประวัติความเป็นมารวมถึงเทคนิคในการทำเครื่องเคลือบ และนักท่องเที่ยวสามารถแวะเข้ามาชมการทำงานของนักหัตถศิลป์ชิปโป หรือแม้กระทั่งเข้ามาลองทำสิ่งของ เครื่องประดับ หรือของที่ระลึกของตนเอง ในพื้นที่เวิร์คช็อปก็ได้

ขุมทรัพย์ทางวัฒนธรรมของไอจิ

ในจังหวัดไอจิมีสิ่งที่น่าสนใจรออยู่มากมาย แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ภาพลักษณ์ของจังหวัดไอจิถูกมองอย่างเมืองอุตสาหกรรมและทำให้หลุดจากแผนที่การท่องเที่ยวต่างๆ อยู่เสมอ แต่ในท้ายที่สุดแล้ว อุตสาหกรรมดั้งเดิมที่ทำให้จังหวัดไอจิเป็นจุดสนใจนั้น ก็ได้รับการกล่าวถึงและยกย่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมเครื่องปั้นดินเผาและเซรามิกที่มีชื่อเสียงและมีความเป็นมาอย่างยาวนานในภูมิภาคนี้ มาพบปะกับนักหัตถศิลป์ที่มีพรสวรรค์ เที่ยวชมเมืองประวัติศาสตร์ที่พวกเขาอยู่อาศัยและสร้างสรรค์ผลงาน และค้นพบขุมทรัพย์เครื่องปั้นดินเผาและเซรามิกสำหรับตัวท่านเอง ซึ่งนับเป็นประสบการณ์อันแตกต่างที่ไม่เหมือนใคร ที่ยิ่งสร้างคุณค่าให้ชิ้นงานศิลปะ อีกทั้งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงบทบาทของเซโตะและโทโคนาเมะ ในฐานะผู้นำของ “เตาเผาอันเก่าแก่ทั้งหกแห่งญี่ปุ่น”

ผู้เขียน
คริส เกล็นน์

คริส เกล็นน์เป็นดีเจวิทยุ พรีเซ็นเตอร์ทางโทรทัศน์ ผู้อำนวยการสร้าง ผู้บรรยาย พิธีกร นักเขียนคำโฆษณา นักเขียน และคอลัมนิสต์สองภาษา และเป็นนักประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นที่เชี่ยวชาญด้านปราสาทซามูไร สมรภูมิการรบ เสื้อเกราะ และอาวุธ เขายังเป็นที่ปรึกษาด้านการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น และมักถูกเชิญไปเป็นผู้บรรยายการสอนและนักพูดเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และหัวข้อต่างๆ ของญี่ปุ่นเสมอ เขาเกิดที่เมืองแอดิเลด เซาท์ออสเตรเลีย ในปี 1968 และใช้ชีวิตมากกว่าครึ่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น โดยอยู่ที่เมืองนาโกย่า จังหวัดไอจิเป็นส่วนใหญ่ คริสได้อุทิศตนเพื่อเผยแพร่และรักษาประวัติศาสตร์อันยาวนาน วัฒนธรรมที่ลึกซึ้ง ประเพณี ศิลปะ และหัตถศิลป์ของประเทศญี่ปุ่น

* คอลัมน์นี้ถูกแปลจากเนื้อหาภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย